ความน่ารัก สุนัขพันธุ์ บีเกิ้ล เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนสั้น ที่มีลักษณะลำตัวกะทัดรัด และมีความน่ารัก น่าเอ็นดูแบบล้นเหลือ น้องสุนัขสายพันธุ์นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ ที่แสนฉลาด มีจมูกที่ดมกลิ่นเก่ง ไม่เป็นรองใคร และมีนิสัยที่เป็นมิตร ต่อผู้อื่น ไม่ดุร้าย และไม่ก้าวร้าว แถมยังพกความร่าเริง สนุกสนานมาด้วย แบบเต็มกระเป๋า ซึ่งใครที่พบเห็นสุนัข สายพันธุ์นี้แล้ว ต่างก็พากันชื่นชม ใครเห็นก็อยากเข้าไปเล่นด้วย ถือว่าเป็นสุนัขที่ใช้ความน่ารัก ได้เปลืองมากๆ
สุนัขพันธุ์บีเกิ้ล (Beagle) จะเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ ที่คนส่วนใหญ่ รู้จักสุนัขสายพันธุ์นี้ดี ซึ่งน้องจะเป็นสุนัข อีกหนึ่งสายพันธุ์ ที่ได้รับความนิยม ในการเลี้ยงดู กันอย่างแพร่หลาย ด้วยขนาดตัวที่เล็ก มีความกะทัดรัด และนิสัยดีเป็นมิตร น้องสุนัขสามารถเข้ากับเด็กๆ ได้ดี รวมถึงเป็นเพื่อนที่ แสนจะน่ารักให้กับคุณ แต่น้องสุนัขสายพันธุ์นี้ จะมีมุมที่ดื้อบ้าง เป็นบางเวลา เพราะน้องจะชอบเล่น ชอบความสนุกสนาน เป็นน้องหมา ที่อารมณ์ดี และมีพลังอย่างล้นเหลือ อยู่ด้วยแล้วไม่มีเบื่อแน่นอน
ที่มา: บีเกิล [1]
สุนัขสายพันธุ์นี้ จัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ ที่มีประวัติมายาวนานนับศตวรรษ แม้ว่าที่มาของชื่อ Beagle อาจจะยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจนนัก แต่ก็เชื่อกันว่ามาจาก ภาษาฝรั่งเศส begueule, beugler หรืออาจมาจาก คำในภาษาอังกฤษ beag ภาษาเยอรมัน begele ก็เป็นไปได้เช่นกัน โดยที่มาของสายพันธุ์นี้ เชื่อกันว่าเป็นสายพันธุ์สุนัข ที่สืบเชื้อสาย มาจากสุนัขที่ใช้ล่าสัตว์ โดยจัดอยู่ในกลุ่ม สุนัขล่าสัตว์ขนาดเล็ก ช่วยล่าสัตว์ เช่น กระต่าย และได้รับความนิยม เลี้ยงมากในอังกฤษ
และมีการผสมพันธุ์ กับสุนัขที่อยู่ในท้องถิ่น ว่ากันว่า พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 ได้นำเอาสุนัขพันธุ์ทัลบอต (ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว) มาที่อังกฤษในช่วงปี ค.ศ. 1066 และเป็นต้นตระกูลของสุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล และฟอกซ์ฮาวน์ บีเกิ้ล กลายเป็นสุนัขสายพันธุ์ยอดนิยมในประเทศอังกฤษในช่วงของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สอง (ปี ค.ศ.1307-1327) และพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 (ปี ค.ศ.1485-1509)
ซึ่งน้องหมาขนาดจิ๋วที่เรียกกันว่า Glove Beagle นั้นได้รับความนิยม กันอย่างแพร่หลายในยุคนั้น เพราะเป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก จนสามารถถือไว้ในมือได้ โดยในยุคของพระนาง อลิซาเบธที่ 1 (ปี ค.ศ. 1533-1603) ได้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ ที่มีขนาดเล็กฉบับกระเป๋า โดยมีความสูงเพียง 9 นิ้วเท่านั้น เริ่มมีการนำน้องสุนัขมาเลี้ยง ในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงหลัง จากเหตุการณ์สงครามกลางเมือง และมีการจดทะเบียนสายพันธุ์Beagle โดยสมาคมพัฒนา สายพันธุ์สุนัขแห่งอเมริกา (AKC) ในปี 1885 ซึ่งในปัจจุบันชื่อBeagle ในความหมายแถบอเมริกาเหนือ จะหมายถึงสายพันธุ์ที่มีจมูกดีเป็นเลิศ นั่นเอง
ที่มา: บีเกิ้ล (Beagle) [2]
สุนัขพันธุ์บีเกิ้ล เป็นสุนัขที่ขึ้นชื่อ ในเรื่องความเฉลียวฉลาด และมีจุดเด่นเฉพาะตัวคือ ใบหูที่พับของน้องหมา ที่ลงมาชิดกับหัว มีดวงตาที่กลมโต รวมถึงมีอุปนิสัย ที่โดดเด่นคือ ความซุกซน และความขี้เล่น ซึ่งน้องจะชอบความสนุกสนาน และมักจะชอบใช้เวลา อยู่กับเจ้าของ และเป็นมิตรกับผู้คน รวมถึงสัตว์เลี้ยงอื่นๆ อีกด้วย แถมน้องหมาสายพันธุ์นี้ ดูแลง่าย เนื่องจากไม่ค่อย มีปัญหาด้านสุขภาพ แถมยังมีเต็มเปี่ยมไปด้วย พลังที่ล้นเหลือ
หากคุณต้องการเลี้ยงบีเกิ้ล เรื่องราวเหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรรู้
สุขภาพ : สุนัขพันธุ์นี้ ไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพทางพันธุกรรม แต่เช่นเดียวกับสุนัขทุกสายพันธุ์ Beagle ก็มีโรคที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งก็คือโรคทางพันธุกรรมที่ชื่อว่า Musladin-Lueke Syndrome โดยจะส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อ อวัยวะ กระดูก และผิวหนังของน้อง นอกจากนี้ด้วยนิสัยกินเก่ง กินเยอะ บีเกิ้ลจึงมีแนวโน้มที่จะอ้วนได้ง่าย เจ้าของจึงควรกำหนดปริมาณอาหารในแต่ละวันให้เหมาะสม ส่วนปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจพบได้จะมีไฮโปไทรอยด์ โรคลมชัก ข้อสะโพกเสื่อม และโรคสะบ้าเคลื่อน
Grooming : น้องหมามีขนสั้น ไม่หนามาก แต่ปัญหาอย่าง เดียวคือขนร่วง ดังนั้นเจ้าของ ต้องหมั่นแปรงขน ให้น้องเป็นประจำ หรือประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าขนสะอาด และอยู่ในสภาพที่ดี เนื่องจากมีขนสองชั้น ขนจึงอาจร่วงหนักมาก ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณอาจต้องแปรงขน ให้น้องบ่อยขึ้นในช่วงนี้ และไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อย เว้นเสียแต่ว่าน้อง จะเล่นซนจนเนื้อตัวมอมแมม หรือขนเต็มไปด้วยโคลน ส่วนเล็บควรตัดเป็นประจำ ไม่ควรปล่อยให้ยาวจนเกินไป สุดท้ายคือควรดูแล ทำความสะอาดใบหูทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะใบหูที่ห้อยลงมา ปิดกั้นการไหลเวียนของอากาศภายในหู ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่หูได้ [3]
การออกกำลังกาย : น้องหมามีความต้องการ ออกกำลังกายสูง เนื่องจากเป็นสุนัขที่พลังงานเยอะ น้องต้องได้เดินอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง จะเป็นการเดินเล่นในสวน หรือเดินในละแวกบ้านของคุณก็ได้ การเดินเล่นจะช่วยให้น้องแข็งแรง และมีความสุขมาก และข้อควรระวังในการเดินเล่นกับบีเกิ้ลคือ ต้องใส่สายจูงทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเค้าวิ่งเตลิด หรือออกวิ่งไล่ล่าเหยื่อ
โภชนาการ : น้องเป็นจอมตะกละ ที่พร้อมจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เพื่อให้ได้ปริมาณอาหาร ที่เพียงพอและเหมาะสม แนะนำให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 2 มื้อต่อวัน และควรเป็นอาหารเม็ด เช่นเดียวกับสุนัขพันธุ์อื่น สำหรับอาหาร ที่น้องควรได้รับ จะขึ้นอยู่กับช่วงวัย ไลฟ์สไตล์ ขนาดตัว และอายุ
บีเกิ้ลมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 12 - 15 ปี เช่นเดียวกับสุนัขสายพันธุ์ขนาดเล็กและปานกลางทั่วไป ซึ่งไม่ค่อยมีโรคประจำสายพันธุ์ให้น่าพะวงมากนัก แต่ก็ไม่ควรละเว้นและใส่ใจปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสายพันธุ์ ได้แก่
ข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip Dysplasia) : ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ในสุนัขทุกตัว สามารถเกิดได้จากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ โดยอาการที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ การเคลื่อนไหวผิดปกติ อาการปวด ทรงตัวลำบาก
ลูกสะบ้าเคลื่อนหลุด (Patellar luxation) : สามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งด้านในของลำตัว หรือด้านนอกของลำตัว ทำให้สุนัขเกิดอาการเจ็บที่ขา ซึ่งเบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากตาเปล่า โดยดูว่าท่าเดินของน้องหมาผิดปกติหรือไม่
ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) : เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถสร้างฮฮร์โมนจากต่อมไทรอยด์ได้ ส่งผลให้เมตาบอลิซึ่มในร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลทั้งในแง่ของระบบเผาผลาญ ผิวหนัง ขน และอาการเหนื่อยล้าง่าย ซึ่งต้องพบแพทย์เพื่อรักษาทางยา และวางแผนการดูแลในระยะยาว
สามารถคลิกอ่าน เนื้อหาเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล อาหาร วิธีเลี้ยง [พร้อมราคา] ได้ที่ yorapetfoods
สรุป สุนัขพันธุ์บีเกิ้ล เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่เป็นมิตร มีความขี้เล่น ชอบความสนุกสนาน และอารมณ์ดี แถมยังมีนิสัยที่น่ารัก เข้ากับเด็กๆ ได้ดี รวมถึงชอบอยู่กับเจ้าของ ซึ่งสุนัขสายพันธุ์นี้ จึงเป็นสายพันธุ์ ที่นิยมเลี้ยง ในครอบครัวที่มีเด็ก เพราะน้องเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กได้ดี ไม่ดุร้าย แถมเด็กๆ ต่างชอบและรักสุนัข สายพันธุ์นี้
ข้อดี : น้องเป็นสุนัขที่มีนิสัยดี เป็นมิตรต่อผู้อื่น ไม่ดุร้าย มีความขี้เล่น ชอบเล่นกับเด็กๆ และเข้ากับเด็ก ได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีนิสัย ที่รักเจ้าของ ชอบใช้เวลาอยู่กับเจ้าของ สามารถเป็นเพื่อนที่ดี ให้กับคุณได้ ในทุกช่วงเวลา
ข้อเสีย : น้องสุนัขสายพันธุ์นี้ จะมีชอบเสียงดัง และดื้อรั้นบ้าง ในบางเวลา ซึ่งน้องจะมีจมูก ที่ดมกลิ่นได้อย่างดีเยี่ยม น้องจะเป็นสุนัขล่ากลิ่น และจะตามกลิ่นไปเรื่อยๆ ถ้าหากคุณไม่ดูแล หรือ ปล่อยน้องหมา ตามลำพัง น้องอาจจะเดินตาม กลิ่นไปเรื่อยๆ และทำให้น้องพลัดหลง หรือหายได้
เนื่องจากน้องสุนัขสายพันธุ์นี้ มีนิสัยไม่ชอบน้ำโดยธรรมชาติ แม้ว่า Beagle บางตัวจะชอบเล่นน้ำ แต่ก็ไม่บ่อยนัก และโดยปกติแล้วน้องสุนัขเหล่านี้ จะถูกฝึกมาตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เนื่องจากน้องหมาเป็น สุนัขล่ากลิ่น ที่อาศัยจมูกมากกว่าประสาทสัมผัสอื่นใด การที่บีเกิ้ลไม่ชอบน้ำจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล น้ำในปริมาณมาก ทำให้น้องรู้สึกไม่โอเค
[1] wikipedia. (November 09, 2024). บีเกิล. Retrieved from wikipedia
[2] purina. บีเกิ้ล (Beagle). Retrieved from purina
[3] pedigree. สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล (Beagle). Retrieved from pedigree